Responsive image
เมนูหลัก
หน้าหลัก
เกี่ยวกับตำบล
ประวัติความเป็นมา
สภาพทั่วไป
สภาพสังคม
สภาพทางเศรษฐกิจ
การบริการพื้นฐาน
สินค้า OTOP
สถานที่สำคัญ/แหล่งท่องเที่ยว
เกี่ยวกับเรา
วิสัยทัศน์/พันธกิจ
ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา
โครงสร้างส่วนราชการ
บทบาทหน้าที่
แผนพัฒนาท้องถิ่น
บุคลากร
คณะผู้บริหาร
สมาชิกสภา
สำนักปลัด
กองคลัง
กองช่าง
กองการศึกษา
กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ
กองสวัสดิการสังคม
ข่าวสารตำบล
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวจัดซื้อจัดจ้าง
ข่าวกิจกรรม
ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวการบริหารงานบุคคล
เอกสารดาวน์โหลด
ร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
มาตรฐานการให้บริการ
E-service
ITA
ITA ปี พ.ศ. 2563
ระเบียบ
หนังสือสั่งการ สถ.
พรบ./พรก.
กฎระเบียบกระทรวง
คำสั่ง สถ.
มติ ก. อบจ.
มติ ก. เทศบาล
มติ ก. อบต.
ข้อบัญญัติ
รายงานสถานะการเงิน
รายงานการประชุม
เว็บบอร์ด
พูดคุยเรื่องทั่วไป
ข้อเสนอแนะ ติชม
รับเรื่องราวร้องทุกข์/แจ้งการทุจริต
แจ้งร้องเรียนการทจริตและประพฤติมิชอบ
ติดต่อเรา
ติดต่อเรา
แผนที่ดาวเทียม
คู่มือประชาชน



หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สถานที่สำคัญ/แหล่งท่องเที่ยว
ถ้ำช้างร้อง
Responsive image
ถ้ำช้างร้อง

ถ้ำช้างร้อง เป็นถ้ำขนาดเล็กริมแม่น้ำปิงตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ห่างไกลผู้คน ไม่มีทางสัญจรด้วยรถ ต้องมาทางน้ำด้วยเรือเพียงอย่างเีดียว เป็นสถานที่เงียบสงัด วิเวก ลี้ลับมาก และมีกายทิพย์ เช่น ภุมเทวดาไปปรากฏให้พระที่ไปภาวนาเห็นอยู่บ่อยๆ โดยถ้ำนั้นอยู่ห่างจากแก่งก้อไปทางทิศใต้ ประมาณ 25 กิโลเมตร
พระที่ไปภาวนาเห็นอยู่บ่อยๆ ที่ ถ้ำช้างร้องนี้มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นชวนทดลองไป และมีเรื่องน่ากลัวทำให้ไม่อยากพบ เป็นเสมือนคนๆ เดียวอาจจะร้องไห้ก็ได้ ดีใจก็ได้ในเวลาเดียวกัน ตามแต่ภาวะที่ควรจะเป็น แต่สำหรับผู้ขลาดเขลากลัวตาย สถานที่แห่งนี้จึงไม่ควรไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระที่เที่ยวธุดงค์มาวิเวกกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบ้า หรือบางทีก็มีเหตุการณ์ที่มนุษย์คาดไม่ถึง อย่างรูปหนึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์เจี๊ยะ เมื่อมาอยู่ถ้ำช้างร้องนี้ ภาวนาเกิดเห็นในสิ่งที่มนุษย์มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น เข้าใจว่าตัวเป็นผู้วิเศษ เดินตัดป่าจากถ้ำช้างร้องไปทางหมู่บ้านก้อท่า เมื่อไปถึงถนนเข้าที่นั่งภาวนากลางถนนสายอำเภอลี้มาทางบ้านก้อท่า เพื่อให้รถชนตายร่างกายแหลกเหลว ด้วยการแสดงตนว่า เป็นผู้ใจเด็ดไม่กลัวความตายถวายพระพุทธเจ้า อันนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งดลใจ จากภพภูมิที่ละเอียด เพื่อทดสอบลำดับขั้นแห่งจิตภาวนา ภุมเทวดานี้เป็น หญิง ไม่ค่อยเป็นมิตรกับพระศิษย์ของท่าน จะแสดงกิริยารังเกียจ ไม่เคารพ และจะคอยกลั่นแกล้งพระศิษย์ของท่านต่างๆ นานา เช่น เรื่องนี้ 

หญิงเทวดาแกล้ง 
วัน หนึ่ง พระเณรทำงานปรับปรุงตกแต่งถ้ำ กลางวันอากาศร้อนอบอ้าวจึงพากันไปโดดน้ำ ตูม ๆ ๆ วิ่ง...พุ่งหลาว ...กระโดดตูม ๆ อย่างสนุกสนานตรงหน้าถ้ำ ท่าน้ำมีแพเป็นที่พักสำหรับพระเณร ในคืนวันนั้น พระ.. ท่านตื่นจากจำวัดเข้าที่ภาวนา ปรากฏเห็นแม่หญิงเทวดาคนเดิม เข้ามาในจิตภาวนาแล้วพูดว่า “พระ คุณเจ้า...พระเณรอะไร วิ่งพุ่งหลาวกระโดดน้ำตูม ๆ ไม่มีสมณสารูปเอาซะเลย ไม่เรียบร้อย ฉันไม่ชอบเลย บอกให้เขาหยุดนะ ถ้าไม่หยุดจะทำให้แพแตก พวกท่านจะอยู่ไม่เป็นสุข จะต้องถูกปองร้าย” นางกล่าวแล้วก็อันตรธานหายไป พอ รุ่งเช้าได้เวลาออกบิณฑบาต ท่านจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ห้ามพระเณรกระโดดน้ำหน้าถ้ำ เดี๋ยวเทวดาจะแกล้งเอา” เมื่อท่านพูดเป็นเชิงเตือน พระเณรบางรูปไม่เชื่อฟัง เพราะคิดว่าเพียงแค่อาบน้ำ ไม่น่าจะมีปัญหากับเทพยดาฟ้าดินที่ไหน วันหลัง ๆ มา ก็พากันวิ่งพุ่งหลาว กระโดดน้ำตูม ๆ อยู่เหมือนเดิม วันนั้นเองเรือนแพอันเป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด เกิดแตกเอียงคว่ำจะล่ม พอตะวันลับไป รุ่งสางวันใหม่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก มีไอ้ขี้เมาคนหนึ่งแล่นเรือมาที่ถ้ำ มาพูดจาเอะอะโวยวาย ด่าว่าพระเณรด้วยคำพูดเสียหายหยาบคาย พระเณรก็ดุไล่ให้เขาหนีไป เขาหนีไปด้วยความเจ็บใจที่พระเณรไม่ต้อนรับ เขาเสียใจร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก ผูกอาฆาตฝังลึก เขาแล่นเรือกลับไปแพที่พัก ไปเอาปืนไรเฟิ้ลอย่างดีมา เมื่อไอ้ขี้เมามัน มาถึงถ้ำ ก็ตรงไปที่พระกำลังเดินจงกรมอยู่หน้าถ้ำ ยิงปืนใส่หวังหมายฆ่าทันที ทำเอาพระเณรที่อยู่ในถ้ำหรือบริเวณรอบ ๆ มุดตัวหลบซ่อนกันใหญ่ แต่เดชะบุญ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พระเณรจึงมา รวมตัวสนทนากัน “นี่มันอะไรกัน” พระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อน “วันๆ มีแต่เรื่องแต่ราว นี่อยู่ดี ๆ ก็มีคนขี้เมาจะเอาปืนมาฆ่าพระ” “ผมบอกพวก ท่านแล้วว่า อย่ากระโดดน้ำหน้าถ้ำ เทวดาเขาไม่ชอบ พวกท่านก็ไม่เชื่อ” พระรูปที่มีนิมิตเห็นเทวดากล่าวขึ้น พระทั้งหลายที่นั่งฟังอยู่บางองค์ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นเทวดาซักทีถ้ำช้างร้องอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ห่างไกลผู้คน ไม่มีทางสัญจรด้วยรถ ต้องมาทางน้ำด้วยเรือเพียงอย่างเดียว เป็นสถถ้ำช้างร้องอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ห่างไกลผู้คน ไม่มีทางสัญจรด้วยรถ ต้องมาทางน้ำด้วยเรือเพียงอย่างเดียว เป็นสถานที่เงียบสงัด วิเวก ลี้ลับมาก และมีกายทิพย์ เช่น ภุมเทวดา ปรากฏให้พระที่ไปภาวนาเห็นอยู่บ่อยๆ ที่ ถ้ำช้างร้องนี้มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นชวนทดลองไป และมีเรื่องน่ากลัวทำให้ไม่อยากพบ เป็นเสมือนคนๆ เดียวอาจจะร้องไห้ก็ได้ ดีใจก็ได้ในเวลาเดียวกัน ตามแต่ภาวะที่ควรจะเป็น แต่สำหรับผู้ขลาดเขลากลัวตาย สถานที่แห่งนี้จึงไม่ควรไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระที่เที่ยวธุดงค์มาวิเวกกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบ้า หรือบางทีก็มีเหตุการณ์ที่มนุษย์คาดไม่ถึง อย่างรูปหนึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์เจี๊ยะ เมื่อมาอยู่ถ้ำช้างร้องนี้ ภาวนาเกิดเห็นในสิ่งที่มนุษย์มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น เข้าใจว่าตัวเป็นผู้วิเศษ เดินตัดป่าจากถ้ำช้างร้องไปทางหมู่บ้านก้อท่า เมื่อไปถึงถนนเข้าที่นั่งภาวนากลางถนนสายอำเภอลี้มาทางบ้านก้อท่า เพื่อให้รถชนตายร่างกายแหลกเหลว ด้วยการแสดงตนว่า เป็นผู้ใจเด็ดไม่กลัวความตายถวายพระพุทธเจ้า อันนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งดลใจ จากภพภูมิที่ละเอียด เพื่อทดสอบลำดับขั้นแห่งจิตภาวนา ภุมเทวดานี้เป็น หญิง ไม่ค่อยเป็นมิตรกับพระศิษย์ของท่าน จะแสดงกิริยารังเกียจ ไม่เคารพ และจะคอยกลั่นแกล้งพระศิษย์ของท่านต่างๆ นานา เช่น เรื่องนี้ 

หญิงเทวดาแกล้ง 
วัน หนึ่ง พระเณรทำงานปรับปรุงตกแต่งถ้ำ กลางวันอากาศร้อนอบอ้าวจึงพากันไปโดดน้ำ ตูม ๆ ๆ วิ่ง...พุ่งหลาว ...กระโดดตูม ๆ อย่างสนุกสนานตรงหน้าถ้ำ ท่าน้ำมีแพเป็นที่พักสำหรับพระเณร ในคืนวันนั้น พระ.. ท่านตื่นจากจำวัดเข้าที่ภาวนา ปรากฏเห็นแม่หญิงเทวดาคนเดิม เข้ามาในจิตภาวนาแล้วพูดว่า “พระ คุณเจ้า...พระเณรอะไร วิ่งพุ่งหลาวกระโดดน้ำตูม ๆ ไม่มีสมณสารูปเอาซะเลย ไม่เรียบร้อย ฉันไม่ชอบเลย บอกให้เขาหยุดนะ ถ้าไม่หยุดจะทำให้แพแตก พวกท่านจะอยู่ไม่เป็นสุข จะต้องถูกปองร้าย” นางกล่าวแล้วก็อันตรธานหายไป พอ รุ่งเช้าได้เวลาออกบิณฑบาต ท่านจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ห้ามพระเณรกระโดดน้ำหน้าถ้ำ เดี๋ยวเทวดาจะแกล้งเอา” เมื่อท่านพูดเป็นเชิงเตือน พระเณรบางรูปไม่เชื่อฟัง เพราะคิดว่าเพียงแค่อาบน้ำ ไม่น่าจะมีปัญหากับเทพยดาฟ้าดินที่ไหน วันหลัง ๆ มา ก็พากันวิ่งพุ่งหลาว กระโดดน้ำตูม ๆ อยู่เหมือนเดิม วันนั้นเองเรือนแพอันเป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด เกิดแตกเอียงคว่ำจะล่ม พอตะวันลับไป รุ่งสางวันใหม่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก มีไอ้ขี้เมาคนหนึ่งแล่นเรือมาที่ถ้ำ มาพูดจาเอะอะโวยวาย ด่าว่าพระเณรด้วยคำพูดเสียหายหยาบคาย พระเณรก็ดุไล่ให้เขาหนีไป เขาหนีไปด้วยความเจ็บใจที่พระเณรไม่ต้อนรับ เขาเสียใจร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก ผูกอาฆาตฝังลึก เขาแล่นเรือกลับไปแพที่พัก ไปเอาปืนไรเฟิ้ลอย่างดีมา เมื่อไอ้ขี้เมามัน มาถึงถ้ำ ก็ตรงไปที่พระกำลังเดินจงกรมอยู่หน้าถ้ำ ยิงปืนใส่หวังหมายฆ่าทันที ทำเอาพระเณรที่อยู่ในถ้ำหรือบริเวณรอบ ๆ มุดตัวหลบซ่อนกันใหญ่ แต่เดชะบุญ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พระเณรจึงมา รวมตัวสนทนากัน “นี่มันอะไรกัน” พระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อน “วันๆ มีแต่เรื่องแต่ราว นี่อยู่ดี ๆ ก็มีคนขี้เมาจะเอาปืนมาฆ่าพระ” “ผมบอกพวก ท่านแล้วว่า อย่ากระโดดน้ำหน้าถ้ำ เทวดาเขาไม่ชอบ พวกท่านก็ไม่เชื่อ” พระรูปที่มีนิมิตเห็นเทวดากล่าวขึ้น พระทั้งหลายที่นั่งฟังอยู่บางองค์ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นเทวดาซักทีานที่เงียบสงัด วิเวก ลี้ลับมาก และมีกายทิพย์ เช่น ภุมเทวดา ปรากฏให้พระที่ไปภาวนาเห็นอยู่บ่อยๆ ที่ ถ้ำช้างร้องนี้มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นชวนทดลองไป และมีเรื่องน่ากลัวทำให้ไม่อยากพบ เป็นเสมือนคนๆ เดียวอาจจะร้องไห้ก็ได้ ดีใจก็ได้ในเวลาเดียวกัน ตามแต่ภาวะที่ควรจะเป็น แต่สำหรับผู้ขลาดเขลากลัวตาย สถานที่แห่งนี้จึงไม่ควรไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระที่เที่ยวธุดงค์มาวิเวกกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบ้า หรือบางทีก็มีเหตุการณ์ที่มนุษย์คาดไม่ถึง อย่างรูปหนึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์เจี๊ยะ เมื่อมาอยู่ถ้ำช้างร้องนี้ ภาวนาเกิดเห็นในสิ่งที่มนุษย์มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น เข้าใจว่าตัวเป็นผู้วิเศษ เดินตัดป่าจากถ้ำช้างร้องไปทางหมู่บ้านก้อท่า เมื่อไปถึงถนนเข้าที่นั่งภาวนากลางถนนสายอำเภอลี้มาทางบ้านก้อท่า เพื่อให้รถชนตายร่างกายแหลกเหลว ด้วยการแสดงตนว่า เป็นผู้ใจเด็ดไม่กลัวความตายถวายพระพุทธเจ้า อันนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งดลใจ จากภพภูมิที่ละเอียด เพื่อทดสอบลำดับขั้นแห่งจิตภาวนา ภุมเทวดานี้เป็น หญิง ไม่ค่อยเป็นมิตรกับพระศิษย์ของท่าน จะแสดงกิริยารังเกียจ ไม่เคารพ และจะคอยกลั่นแกล้งพระศิษย์ของท่านต่างๆ นานา เช่น เรื่องนี้ 

หญิงเทวดาแกล้ง 
วัน หนึ่ง พระเณรทำงานปรับปรุงตกแต่งถ้ำ กลางวันอากาศร้อนอบอ้าวจึงพากันไปโดดน้ำ ตูม ๆ ๆ วิ่ง...พุ่งหลาว ...กระโดดตูม ๆ อย่างสนุกสนานตรงหน้าถ้ำ ท่าน้ำมีแพเป็นที่พักสำหรับพระเณร ในคืนวันนั้น พระ.. ท่านตื่นจากจำวัดเข้าที่ภาวนา ปรากฏเห็นแม่หญิงเทวดาคนเดิม เข้ามาในจิตภาวนาแล้วพูดว่า “พระ คุณเจ้า...พระเณรอะไร วิ่งพุ่งหลาวกระโดดน้ำตูม ๆ ไม่มีสมณสารูปเอาซะเลย ไม่เรียบร้อย ฉันไม่ชอบเลย บอกให้เขาหยุดนะ ถ้าไม่หยุดจะทำให้แพแตก พวกท่านจะอยู่ไม่เป็นสุข จะต้องถูกปองร้าย” นางกล่าวแล้วก็อันตรธานหายไป พอ รุ่งเช้าได้เวลาออกบิณฑบาต ท่านจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ห้ามพระเณรกระโดดน้ำหน้าถ้ำ เดี๋ยวเทวดาจะแกล้งเอา” เมื่อท่านพูดเป็นเชิงเตือน พระเณรบางรูปไม่เชื่อฟัง เพราะคิดว่าเพียงแค่อาบน้ำ ไม่น่าจะมีปัญหากับเทพยดาฟ้าดินที่ไหน วันหลัง ๆ มา ก็พากันวิ่งพุ่งหลาว กระโดดน้ำตูม ๆ อยู่เหมือนเดิม วันนั้นเองเรือนแพอันเป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด เกิดแตกเอียงคว่ำจะล่ม พอตะวันลับไป รุ่งสางวันใหม่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก มีไอ้ขี้เมาคนหนึ่งแล่นเรือมาที่ถ้ำ มาพูดจาเอะอะโวยวาย ด่าว่าพระเณรด้วยคำพูดเสียหายหยาบคาย พระเณรก็ดุไล่ให้เขาหนีไป เขาหนีไปด้วยความเจ็บใจที่พระเณรไม่ต้อนรับ เขาเสียใจร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก ผูกอาฆาตฝังลึก เขาแล่นเรือกลับไปแพที่พัก ไปเอาปืนไรเฟิ้ลอย่างดีมา เมื่อไอ้ขี้เมามัน มาถึงถ้ำ ก็ตรงไปที่พระกำลังเดินจงกรมอยู่หน้าถ้ำ ยิงปืนใส่หวังหมายฆ่าทันที ทำเอาพระเณรที่อยู่ในถ้ำหรือบริเวณรอบ ๆ มุดตัวหลบซ่อนกันใหญ่ แต่เดชะบุญ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พระเณรจึงมา รวมตัวสนทนากัน “นี่มันอะไรกัน” พระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อน “วันๆ มีแต่เรื่องแต่ราว นี่อยู่ดี ๆ ก็มีคนขี้เมาจะเอาปืนมาฆ่าพระ” “ผมบอกพวก ท่านแล้วว่า อย่ากระโดดน้ำหน้าถ้ำ เทวดาเขาไม่ชอบ พวกท่านก็ไม่เชื่อ” พระรูปที่มีนิมิตเห็นเทวดากล่าวขึ้น พระทั้งหลายที่นั่งฟังอยู่บางองค์ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นเทวดาซักที
โพสเมื่อ : 01 ก.พ. 2567